เมล็ดกาแฟ

เมล็ดกาแฟจาก Coffee Press

Coffee Press ได้ร่วมมือกับเกษตรกรกาแฟอราปิก้าจากแหล่งเพาะปลูกดอยช้างจังหวัดเชียงราย ที่นับว่าเป็นแหล่งเพาะปลูกกาแฟที่มีชื่อเสียงระดับโลก โดยทางเราคัดเลือกสวนกาแฟที่ดูแลการปลูกอย่างดีไม่ใช้ยาฆ่าแมลง คั่วอย่างพิถีพิถัน มาเป็นกาแฟสามสูตรที่เราภูมิใจนำเสนอ

เมล็ดกาแฟ Coffee Press

Coffee Press ได้คัดเลือกเมล็ดกาแฟ อราปิก้า 100% จากแหล่งดอยช้าง จังหวัดเชียงราย ที่มีชื่อเสียงในด้านเมล็ดกาแฟระดับโลก โดยเริ่มตั้งแต่เลือกฟาร์มที่มีคุณภาพดี ไม่ใช้ยาฆ่าแมลง คัดเลือกเมล็ดอย่างพิถีพิถัน แล้วนำคั่วด้วยสูตรเฉพาะของ Coffee Press ทำให้กาแฟเข้มข้น หอมกรุ่น ตามเอกลักษณ์กาแฟไทยชั้นดี

เมล็ดกาแฟ คลาสสิค เบลนด์

Classic Blend

เมล็ดกาแฟ overall blend ที่ควรมีไว้ติดบ้าน เหมาะสำหรับทั้งเมนูกาแฟดำหรือกาแฟนม ทั้งร้อนหรือเย็น ให้รสชาติที่หนักแน่นแต่ยังคงมีความบาลานซ์ที่ดีProcess: Wash ProcessRoast Level: Dark RoastTaste Note: Chocolate, Earthy, Nut

ข้อมูลเพิ่มเติม/สั่งซื้อ

เมล็ดกาแฟ พรีเมียม เบลนด์

Premium Blend

เมล็ดกาแฟคัดไซส์เกรด AA ดูแลควบคุมตั้งแต่การคัดเลือกการเก็บกาแฟที่สุกฉ่ำ เลือกผลขนาดใหญ่ คั่วอย่างพิถีพิถัน ให้คุณได้รับรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของกาแฟดอยช้างได้อย่างดีที่สุดProcess: Wash ProcessRoast Level: Medium to Dark RoastTaste Note: Chocolate, Earthy, Nut

ข้อมูลเพิ่มเติม/สั่งซื้อ

เมล็ดกาแฟ ใจฮัก เบลนด์

Jai Hug Blend 

สูตรที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของกาแฟจากแหล่งดอยช้าง แล้วเพิ่มความซับซ้อนในรสชาติ ด้วยการเบลนด์โพรเสสที่หลากหลาย ให้รสชาติที่มีบาลานซ์ที่ดี มีความซับซ้อนในรสชาติ มีความเปรี้ยวเล็กน้อยจากผลเบอร์รี่สุก และมี after taste ที่ดีProcess: Blend with 30% Wash, 30% Honey, and 40% Natural ProcessRoast Level: Medium to Dark RoastTaste Note: Chocolate, Nut

ข้อมูลเพิ่มเติม/สั่งซื้อ

 

ด้วยประสบการณ์กว่า 10 ปีในวงการกาแฟ Coffee Press ได้ทำการคัดเลือกเมล็ดกาแฟ ที่ตอบโจทย์สำหรับคนรักกาแฟมากที่สุด ทางเราได้เดินทางเพื่อเสาะหาฟาร์มกาแฟที่ได้มาตรฐาน จนทางเราก็ได้พบเจอฟาร์มเมล็ดกาแฟแห่งหนึ่งที่ดอยช้าง จังหวัดเชียงราย ฟาร์มแห่งนี้มีนโยบายการปลูกที่ปลอดภัยโดยการเลือกที่จะไม่ใช้ยาฆ่าแมลง และมีระบบการปลูกและใส่ใจดูแลในระดับที่ดีมาก ทาง Coffee Press จึงได้ตกลงที่จะรับซื้อเมล็ดกาแฟจากเกษตรกรของฟาร์มแห่งนี้มาเป็นเวลาหลายปี ในราคายุติธรรมกับเกษตรกร (Fair Trade) ที่ช่วยพัฒนางานและยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร ลดความกังวลในเรื่องการขายสินค้าในราคาที่ไม่เป็นธรรม สื่งที่เราดีใจที่สุดคือเมื่อเวลาผ่านไป คุณภาพชีวิตของเกษตรกรที่นั่นก็ดีขึ้น เริ่มมีเงินลงทุนในการซื้ออุปกรณ์ที่ดีขึ้น คุณภาพกาแฟก็ดีขึ้นตามลำดับในทุกๆ ปี Coffee Press ภูมิใจที่ได้เป็นส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่งในการสนับสนุนคุณภาพชีวิตของเกษตรกร และพัฒนาคุณภาพของวงการกาแฟไทยให้ดีขึ้นไป

ประวัติเมล็ดกาแฟดอยช้าง จากไร่ฝิ่นสู่แหล่งปลูกกาแฟระดับโลก

กาแฟอราปิก้าไทยในทุกวันนี้ถือว่าได้รับความนิยมที่สูง รสชาติมีความเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง เป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญและมีชื่อเสียงระดับโลก อย่างไรก็ตามที่มาของเมล็ดกาแฟอราปิก้าไทยนั้นมีประวัติที่น่าสนใจและชวนให้ซาบซึ้งใจเป็นอย่างมากทีเดียว โดยเริ่มต้นเมื่อกว่า 40 ปีที่แล้ว แนวเขาพรมแดนประเทศไทยตามภาคเหนือ (โดยเฉพาะเทือกเขาในจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ที่ติดกับประเทศพม่า เป็นที่อยู่อาศัยของคนที่ราบสูง หรือที่เราเรียกกันว่าชาวเขา หรือชาวภูเขานั่นเองครับ) ในตอนนั้นชาวเขาแถวนั้นมีความเป็นอยู่ที่ลำบากอย่างยิ่ง เนื่องจากยังมีการสู้รบกันของผู้อพยพที่ย้ายมา มีการปลูกฝิ่นตามแนวชายแดนและลักลอบขายหรือขนเข้ามาตามแนวเขาเหล่านั้น และเป็นภูเขาหัวโล้นไม่สามารถเพาะปลูกหรือทำการเกษตรอะไรได้ คราวนี้สงสัยกันมั้ยครับว่าจากภูเขาหัวโล้น ที่เต็มไปด้วยการสู้รบ การลักลอบขนยาเสพติด สู่เมืองกาแฟระดับโลกได้อย่างไร ผู้เขียนได้เคยขึ้นไปที่ดอยผาหมีซึ่งนับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของกาแฟอราปิก้าของประเทศไทย ก็ได้ฟังความจากพ่อหลวงซาเจ๊ะ หรือนายมนตรี พฤกษาพันธุ์ทวี (ผู้ใหญ่บ้านดอยผาหมี) ถึงความเป็นมา โดยพ่อหลวงซาเจ๊ะ ในวัยอายุกว่า 80 ปี ก็ได้เล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ทีมงาน Coffee Press จับใจความได้ตามด้านล่างนี้ครับ เมื่อก่อนที่แถวนี้เป็นภูเขาหัวโล้น เพาะปลูกอะไรไม่ได้หรอก เทือกเขาก็มีการลักลอบขนยาเสพติดจากชายแดน เกิดการปะทะสู้รบกันบ่อยครั้ง ชาวเขาแถวนี้ก็ต้องหลบบ้าง หนีบ้าง จะลงไปในเมืองก็ไม่ได้เพราะไม่มีสัญชาติไทย ใช้ชีวิตอยู่อย่างลำบาก จนกระทั่งวันหนึ่งได้ยินเสียงดังประหลาดก็ตกใจรีบหยิบคราด หยิบพลั่ว หาอะไรที่พอจะเป็นอาวุธได้ออกมาเพราะคิดว่าน่าจะมีการสู้รบกันอีกแล้ว สรุปกลายเป็นเสียงเฮลิคอปเตอร์ ชาวบ้านแถวนั้นก็ยิ่งงงกันใหญ่เพราะเกิดมาไม่เคยเห็นเฮลิคอปเตอร์ ยิ่งมาลงจอดในหมู่บ้านแล้วยิ่งไม่มีเลย พอเฮลิคอปเตอร์จอดเท่านั้นชาวบ้านทุกคนก็ได้ตกใจกันอีกครั้งใหญ่ เพราะคนที่ก้าวออกมาจากเฮลิคอปเตอร์คือในหลวง รัชกาลที่ 9 นั่นเอง ในหลวงท่านได้มาเยี่ยมชาวบ้านและดูถึงความเป็นอยู่ พ่อหลวงซาเจ๊ะในฐานะหัวหน้าหมู่บ้านจึงได้ออกมารับเสด็จ และเชิญท่านไปดื่มชาในบ้าน (ซึ่งจุดนี้ ทุกวันนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของบ้านผาหมีไปแล้วครับ)

ท่านได้สอบถามถึงความเป็นอยู่ ชาวบ้านก็บอกว่าลำบากเนื่องจากเพราะปลูกเกษตรกรไม่ได้ แล้วยังต้องย้ายที่หลบหนีหลายครั้ง ทางที่จะลงเขาก็ลำบากเนื่องจากไม่มีถนนหนทาง หรือถ้าลงจากเขาก็ยังเป็นคนผิดกฎหมายไม่มีสัญชาติอยู่ ท่านได้รับฟังแล้วจึงชี้และตรัสว่าให้ตั้งรกรากอยู่จุดนี้ ซึ่งเป็นที่ที่ต่ำลงมาอีกหน่อยเนื่องจากที่เดิมเป็นที่ที่ใกล้เคียงกับเขตชนกลุ่มน้อยที่มีการต่อสู้กันเกรงว่าจะเป็นอันตราย แล้วบอกให้รักษาป่าเขา และดูแลแหล่งน้ำให้ดี ซึ่งชาวบ้านก็ได้น้อมรับคำและปฏิบัติเป็นอย่างดี

หลังจากนั้น พระองค์ก็ได้เสด็จมาเยือนชาวบ้านอีกครั้ง โดยนายซาเจ๊ะ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ใหญ่บ้านผาหมีแล้ว ได้แต่งชุดราชการมารอรับเสด็จ ซึ่งในหลวงท่านได้นำของมาฝากทั้ง สุกร วัว พันธ์พืชเศรษฐกิจต่างๆ อาทิลิ้นจี่, กาแฟ, แมคคาดาเมีย ซึ่งท่านคาดว่าน่าจะเหมาะสมกับสภาพอากาศ และยังเป็นสินค้าเศรษฐกิจเพื่อช่วยให้ชาวบ้านได้มีงาน และมีอาชีพ ถือได้ว่าท่านรักและดูแลประชาชนของท่านอย่างแท้จริง ท่านช่วยแก้ปัญหาทุกอย่างให้ประชาชนของท่านมีความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืน หลังจากวันนั้น จนถึงวันนี้ จากภูเขาหัวโล้นกลายเป็นเทือกเขาที่อุดมสมบูรณ์เขียวขจี มีพืชเศรษฐกิจที่สำคัญอย่างกาแฟ ลิ้นจี่ ถั่วแมคคาดาเมีย และปลูกกระจายไปทั่วทั้งภาคเหนือ นับว่าเป็นพระมหากรุณาของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร ที่มีต่อชาวเขาและวงการกาแฟอราปิก้าประเทศไทยอย่างแท้จริง